การบำรุงรักษา Pressure Gauge

การบำรุงรักษา Pressure Gauge

การจัดการการรั่วไหลใน Pressure Gauge วิธีป้องกันและการบำรุงรักษาที่ถูกต้อง

ในกระบวนการผลิตที่มีการใช้งานแรงดันสูง Pressure Gauge เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยควบคุมและตรวจสอบระดับแรงดันในระบบของไหล การรั่วไหลของแรงดันใน Pressure Gauge นั้นเป็นปัญหาที่พบบ่อยและอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในระบบโรงงานได้ ซึ่งการบำรุงรักษา Pressure Gauge และป้องกันการรั่วไหล รวมถึงการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง

เมื่อการรั่วไหลใน Pressure Gauge เกิดขึ้น จะส่งผลอย่างไร

การรั่วไหลใน Pressure Gauge ไม่เพียงแต่ลดทอนความแม่นยำในการวัดค่าแรงดัน แต่ยังส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของการบำรุงรักษา Pressure Gauge ก่อนอื่นเรามาเข้าใจผลกระทบของการรั่วไหลก่อน ดังนี้

  1. ความไม่แม่นยำในการอ่านค่าแรงดัน
    เมื่อ Pressure Gauge มีการรั่วไหล ค่าแรงดันที่แสดงจะไม่สะท้อนแรงดันจริงภายในระบบ ซึ่งอาจทำให้การควบคุมกระบวนการผลิตคลาดเคลื่อน เช่น ในการผลิตเคมี การที่ค่าแรงดันไม่ตรงกับความจริงอาจส่งผลต่อปริมาณการผลิต คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และทำให้เสียทรัพยากรในกระบวนการไปโดยเปล่าประโยชน์
  2. ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน
    ในกรณีที่ Pressure Gauge ใช้กับของไหลที่เป็นสารเคมีอันตรายหรือสารที่มีอุณหภูมิสูง การรั่วไหลจะทำให้ของไหลรั่วออกมาและอาจสัมผัสกับผู้ปฏิบัติงาน สารเคมีบางชนิดมีฤทธิ์กัดกร่อนหรือเป็นพิษ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ที่อยู่ใกล้เคียง ดังนั้น การควบคุมและป้องกันการรั่วไหลเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ทำงาน
  3. การรบกวนการทำงานของระบบควบคุมอัตโนมัติ
    Pressure Gauge ที่เชื่อมต่อกับระบบควบคุมอัตโนมัติ เช่น PLC หรือ SCADA มักส่งสัญญาณแรงดันให้ระบบปรับการทำงานของปั๊มและวาล์วให้สอดคล้องกับแรงดันในระบบ เมื่อเกิดการรั่วไหล ค่าแรงดันที่ไม่ถูกต้องจะทำให้ระบบควบคุมสั่งการผิดพลาด เช่น การเปิดวาล์วเพื่อเพิ่มแรงดันโดยไม่จำเป็น ส่งผลให้การทำงานในระบบเกิดความเสียหายและเกิดการสูญเสียพลังงาน
  4. ความเสี่ยงต่อการระเบิดและไฟไหม้ในระบบแรงดันสูง
    ในระบบที่ทำงานด้วยแรงดันสูง การรั่วไหลของของไหลที่เป็นเชื้อเพลิงหรือก๊าซที่ติดไฟได้ เช่น ไฮโดรเจน ก๊าซธรรมชาติ หรือสารเคมีไวไฟอื่น ๆ จะทำให้ระบบมีโอกาสเกิดการจุดติดไฟ ซึ่งอาจนำไปสู่การระเบิดหรือลุกไหม้ได้ทันที การระเบิดหรือไฟไหม้ในโรงงานไม่เพียงก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ แต่ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความปลอดภัยของบุคลากรและกระบวนการผลิตทั้งหมด
  5. การเพิ่มค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและการสูญเสียทรัพยากร
    เมื่อการรั่วไหลทำให้ Pressure Gauge เสียหาย อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอุปกรณ์และการหยุดการผลิตเพื่อทำการซ่อมบำรุง รวมถึงการสูญเสียทรัพยากรต่าง ๆ เช่น ของไหลในระบบที่รั่วซึมออกมา นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการทำงานของระบบที่ต้องใช้เวลาในการหยุดผลิตและบำรุงรักษานานขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการสูญเสียรายได้และกำไร

สาเหตุที่ทำให้เกิดการรั่วไหลใน Pressure Gauge

  1. การเสื่อมสภาพของซีลและข้อต่อ
    ซีลและข้อต่อของ Pressure Gauge มักได้รับผลกระทบจากการใช้งานต่อเนื่องในสภาวะที่มีแรงดันสูงและการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของวัสดุ ซีลที่ผลิตจากยางหรือ PTFE เมื่อใช้งานไปนาน ๆ อาจเกิดการฉีกขาดและการหลุดล่อน ทำให้เกิดการรั่วซึมของของไหลที่เชื่อมต่อกับเกจ การเสื่อมสภาพนี้มักจะเกิดขึ้นในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 80 องศาเซลเซียส หรือแรงดันสูงเกิน 3,000 psi
  2. ความเสียหายจากการสั่นสะเทือนและการกระแทก
    การติดตั้ง Pressure Gauge ในระบบที่มีการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องโดยไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันการสั่นสะเทือน เช่น Snubber Valve หรือ Vibration Dampener อาจทำให้ข้อต่อและสปริงภายในเกจเกิดการเคลื่อนหรือบิดเบี้ยวจากตำแหน่งเดิม การสั่นสะเทือนที่มากกว่า 20 Hz ในระยะยาวจะส่งผลให้ชิ้นส่วนภายในเสียหาย ทำให้การปิดผนึกไม่แน่นหนาและเกิดการรั่วซึม
  3. การวัดแรงดันเกินพิกัด
    Pressure Gauge ที่ถูกรับ Pressure เกินพิกัดบ่อยครั้งมักทำให้ท่อบูร์ดองและไดอะแฟรมภายในเกจเกิดการบิดเบี้ยวหรือยืดตัว ส่งผลให้การอ่านค่าไม่แม่นยำและเกิดการรั่วไหลในส่วนของซีล ข้อต่อ หรือไดอะแฟรม โดยเฉพาะในระบบที่แรงดันสูงเกิน 1.5 เท่าของขีดจำกัดปกติ เช่น การใช้งานในระบบที่แรงดันเกินกว่า 5,000 psi โดยไม่มีการติดตั้ง Relief Valve หรือ Overpressure Protection อาจทำให้ Pressure Gauge เสียหายโดยถาวร
  4. การกัดกร่อนจากสารเคมีและของไหลอันตราย
    การใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีเข้มข้น เช่น สารละลายเกลือกรดหรือด่าง จะทำให้เกิดการกัดกร่อนที่ซีลและข้อต่อ การใช้ Pressure Gauge ที่ทำจากวัสดุที่ไม่ทนต่อสารเคมี เช่น ทองเหลืองหรือเหล็กกล้าทั่วไป จะเสี่ยงต่อการเกิดการกัดกร่อนมากกว่าวัสดุสแตนเลสเกรด 316 หรือ Hastelloy

วิธีการบำรุงรักษา Pressure Gauge เพื่อป้องกันการรั่วไหล

  1. เลือกใช้วัสดุทนทานที่เหมาะสมกับของไหลและสภาวะแวดล้อม
    ควรเลือกใช้ Pressure Gauge ที่ผลิตจากวัสดุที่สามารถทนต่อสารเคมีในระบบ เช่น สแตนเลสเกรด 316 สำหรับของไหลที่มีกรดหรือด่างอ่อน หรือ Hastelloy สำหรับสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง นอกจากนี้ ซีลที่ทำจาก PTFE หรือ Viton จะช่วยให้สามารถทนทานต่อการใช้งานในสภาวะที่มีสารเคมีเข้มข้นได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการเสื่อมสภาพและการรั่วไหลจากการกัดกร่อน
  2. ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการสั่นสะเทือน
    การติดตั้ง Snubber Valve หรือ Vibration Dampener เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดการกระแทกและการสั่นสะเทือนในระบบของไหลที่อาจส่งผลต่อ Pressure Gauge การใช้อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้ข้อต่อและซีลคงสภาพและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว ลดโอกาสของการรั่วซึมในระบบแรงดันสูง
  3. ติดตั้ง Pressure Relief Valve เพื่อควบคุมแรงดันเกิน
    ในระบบที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงแรงดันอย่างรวดเร็ว ควรติดตั้ง Pressure Relief Valve (PRV) เพื่อช่วยระบายแรงดันที่เกินพิกัดในระบบให้ออกสู่ภายนอกโดยไม่ทำให้ Pressure Gauge เสียหาย PRV ควรตั้งค่าไว้ที่แรงดันที่สูงกว่าระดับปกติของระบบเล็กน้อย เช่น 1.2 เท่า ของแรงดันที่ใช้งานปกติ เพื่อป้องกันการเสียหายและการรั่วไหลที่อาจเกิดขึ้นจากการบรรทุกแรงดันที่สูงเกินพิกัด
  4. ตรวจสอบและเปลี่ยนซีลและข้อต่ออย่างสม่ำเสมอ
    ซีลและข้อต่อของ Pressure Gauge ควรได้รับการตรวจสอบและเปลี่ยนทุก 6-12 เดือน โดยเฉพาะในระบบที่มีการใช้งานต่อเนื่องและแรงดันสูง การตรวจสอบนี้จะช่วยตรวจจับการเสื่อมสภาพที่อาจเกิดขึ้นและทำการเปลี่ยนซีลหรือข้อต่อทันทีหากพบว่ามีรอยแตกหรือการรั่วซึม

สรุป

เมื่อเราเข้าใจวิธีการบำรุงรักษา Pressure Gauge และป้องกันอย่างถูกวิธีแล้ว เพียงเท่านี้ปัญหาการรั่วไหลของ Pressure Gauge ก็จะลดน้อยลง ลดโอกาสเกิดอันตรายและข้อผิดพลาดในการทำงานได้อย่างแน่นอน และที่สำคัญที่สุดอย่าลืมเลือก ซื้อ Pressure gauge จากร้านค้าที่ไว้ใจได้ อย่าง UDYSUPPLY นะครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *