Safety Valve คืออะไร ? สำคัญอย่างไรต่องานอุตสาหกรรม
ไขข้อสงสัย Safety Valve คืออะไร ? สำคัญแค่ไหน ในงานอุตสาหกรรม
เชื่อว่าใครที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรม น่าจะคุ้นเคยกับคำว่า Safety First แปลเป็นไทยก็ “ปลอดภัยไว้ก่อน” ซึ่งความปลอดภัยในงานอุตสาหกรรม เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณามาเป็นอันดับ 1 นอกจากความระมัดระวังแล้ว ก็ต้องมีอุปกรณ์ที่มีเอาไว้จัดการความเสี่ยง ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทความนี้ UDY SUPPLY จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ วาล์วนิรภัย หรือ เซฟตี้วาล์ว อุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ขาดไปไม่ได้โดยเด็ดขาด มาดูกันเลยว่า Safety Valve คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร และถึงสำคัญต่องานอุตสาหกรรม
Safety Valve คืออะไร ?
เริ่มแรกเราก็ต้องมาทำความรู้จักกันเสียก่อน ว่า Safety Valve คืออะไร โดย เซฟตี้วาล์ว หรือ “วาล์วนิรภัย” เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จัดการแรงดันภายในระบบ หรือภายในอุปกรณ์ที่มีเรื่องของแรงดันเข้ามาเกี่ยวข้อง หน้าที่ของมันอธิบายโดยง่าย คือการควบคุมแรงดันให้อยู่ในปริมาณที่ไม่เป็นอันตราย หากภายในระบบมีแรงดันที่มากจนเกินไป วาล์วก็จะทำการระบายแรงดันส่วนเกินออก ทำให้ปริมาณแรงดันที่คงเหลืออยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย และยังช่วยทำให้ระบบยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดความเสียหายจากแรงดันอีกด้วย
Safety Valve มีหลักการทำงานอย่างไร ?
เมื่อได้รู้ไปแล้วว่า Safety Valve คืออะไร แน่นอนว่าวัตถุประสงค์การใช้งาน จะเป็นในเรื่องของ “ความปลอดภัย” เป็นหลัก เพราะในงานระบบที่มีความดันเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น แรงดันน้ำ , แรงดันอากาศ หรือ แรงดันจากไอน้ำ ถ้ามีการสะสมของแรงดันมากเกินไป ก็สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิดได้ทุกเมื่อ ซึ่งหลักการทำงานของเซฟตี้วาล์วก็คือ เมื่อมีแรงดันมาในระบบมากจนเกินเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้ วาล์วจะเปิดเพื่อระบายแรงดันออกจากอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย วาล์วก็จะกลับมาปิดเองโดยอัตโนมัติ
ชนิดของ Safety Valve เลือกใช้งานให้ถูกประเภท อุ่นใจได้อย่างแน่นอน
เนื่องจากการใช้งานที่มีหลากหลาย ทำให้เซฟตี้วาล์วจำเป็นต้องถูกออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่จำเพาะเจาะจง ในการใช้งานก็ควรเลือกใช้ให้ถูกประเภท เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุด ในตอนนี้หากถามว่า Safety Valve มีกี่ชนิด ? คงจะให้คำตอบที่ชัดเจนได้ยาก แต่หลัก ๆ แล้ว ก็สามารถแบ่งประเภทได้ดังต่อไปนี้
-
Spring Loaded Safety Valve
เป็นชนิดของเซฟตี้วาล์วที่ใช้อย่างแพร่หลาย เพราะราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับวาล์วประเภทอื่น หลักการทำงานค่อนข้างเรียบง่าย ภายในวาล์วจะมีสปริงที่จะดันให้วาล์วอยู่ในตำแหน่งปิด เมื่อแรงดันอยู่ในปริมาณที่มากพอ ก็จะดันให้สปริงเกิดการยุบตัว ส่งผลให้วาล์วเปิดออกเพื่อระบายแรงดันส่วนเกินออกไป แม้จะดูว่ามีชิ้นส่วนเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อความดันได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ ตัวสปริงจะเริ่มอ่อนตัว และ ไม่สามารถกำหนดค่าแรงดันที่แม่นยำได้
-
Pilot Operated Safety Valve
โดยส่วนมากแล้วจะพบในอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำ และต้องเจอกับความดันสูงมาก เช่น โรงกลั่นน้ำมัน , อุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรือ โรงไฟฟ้าที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ภายในจะมีวาล์ว 2 ตัว คือ “วาล์วหลัก” และ “วาล์วนำร่อง” เมื่อความดันปกติ วาล์วนำร่องจะนำส่งแรงดัน เพื่อไปปิดวาล์วหลักเอาไว้ เมื่อแรงดันเกินค่าปกติวาล์วนำร่องก็จะระบายแรงดันออกไป ส่งผลให้วาล์วหลักที่ไม่มีแรงดันมากระทำ ก็จะเปิดระบายแรงดันออกเช่นกัน โอกาสรั่วไหลน้อยมาก ราคาค่อนข้างแพง พร้อมกับการบำรุงรักษาที่ยาก
-
Deadweight Safety Valve
นี่น่าจะเป็นวาล์วเซฟตี้ที่ถูกออกแบบมาเป็นประเภทแรก ๆ การทำงานไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด เพียงแค่มีการวางน้ำหนักถ่วงเอาไว้บริเวณวาล์ว ทำหน้าที่เป็นแรงต้านกับแรงดันภายในระบบ หากแรงดันอยู่ในปริมาณที่มากพอ ก็จะดันให้วาล์วทำการเปิดออกเพื่อระบายแรงดันภายในระบบ เมื่อไม่มีแรงดันที่มากพอ วาล์วก็จะถูกน้ำหนักที่ถ่วงเอาไว้กดให้กลับปิดเหมือนเดิม เหมาะสำหรับการใช้งานในแรงดันน้อย ๆ เท่านั้น ปัจจุบันไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้งานแล้ว
-
Balanced Safety Valve
ปิดท้ายด้วยวาล์วเซฟตี้ที่มีระบบซับซ้อนมากที่สุด จากวาล์วทั้งหมดที่เราได้ยกตัวอย่างมา มักจะพบใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี , ระบบท่อไอน้ำแรงดันสูง และ ท่อส่งก๊าซ ความปลอดภัยสูงมาก นอกจากจะช่วยควบคุมแรงดันให้อยู่ในปริมาณที่ปลอดภัย ยังช่วยปรับปริมาณแรงดันให้เสถียร ป้องกันแรงดันย้อนกลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลักการทำงานจะคล้าย ๆ กับวาล์วแบบสปริง แต่จะมีระบบลูกสูบเพิ่มเข้ามา ทำหน้าที่ปรับสมดุลของแรงดัน ป้องกันไม่ให้มีแรงดันย้อนกลับเข้าไปในระบบ
ชนิดของ safety valve จำแนกตามการใช้งาน
นอกจากเราจะสามารถแบ่งเซฟตี้วาล์วออกเป็นประเภทได้แล้ว ยังสามารถจำแนกชนิดของวาล์วตามการใช้งานอีกด้วย เพราะ Safety Valve แต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป เมื่อนำมาใช้งานจะต้องเลือกให้ประเภทของวาล์วให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยจำแนกตามลักษณะของไหลในระบบ ยกตัวอย่างเช่น
- วาล์วที่ใช้กับของเหลว ควรเลือกวาล์วที่มีระบบป้องกันแรงดันย้อนกลับ เพราะแรงดันที่ย้อนเข้าไปในระบบแบบเฉียบพลัน อาจทำให้เกิด Water Hammer ส่งผลให้ระบบท่อเกิดความเสียหายได้ และควรคำนึงถึงวัสดุที่ต้องทนทานต่อการกัดกร่อนได้อีกด้วย
- วาล์วที่ใช้กับอากาศ ควรเลือกวาล์วที่สามารถตอบสนองต่อแรงดันอากาศได้อย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ โดยทั่วไปมักจะนิยมเลือกซื้อแบบที่มีคันโยก เพื่อสามารถตรวจสอบการทำงานของ Safety Valve ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
- วาล์วที่ใช้กับไอน้ำ แน่นอนว่าจะต้องเลือกวาล์วที่มีคุณสมบัติที่ทนทานต่ออุณหภูมิสูง ๆ พร้อมความทนทานต่อการกัดกร่อน และจะต้องเป็นวาล์วที่มีการตอบสนองต่อแรงดันที่รวดเร็ว จะให้ดีควรมีเป็นวาล์วที่มีคันโยก เพื่อให้ตรวจสอบการทำงานได้อยู่เสมอ
แนะนำการเลือกซื้อ Safety Valve ทำอย่างไรให้เจอวาล์วที่มีคุณภาพดีที่สุด
- เลือกซื้อ Safety Valve ให้เหมาะสมกับลักษณะของไหลภายในระบบที่นำไปใช้งาน
- ขนาดของ Safety Valve ต้องสอดคล้องกับความต้องการระบายแรงดัน และ แรงดันภายในระบบ
- ตรวจสอบให้มั่นใจว่าจะนำไปติดตั้งในบริเวณไหน มีการเชื่อมต่อในลักษณะใด เป็นเกลียว หรือ หน้าแปลน
- ซื้อ Safety Valve จากผู้จัดจำหน่ายที่วางใจได้เท่านั้น ไม่ควรเลือกโดยคำนึงถึงแค่ของถูกเพียงอย่างเดียว
บทส่งท้าย
ช่วงสุดท้ายของบทความนี้ หวังว่าผู้อ่านน่าจะได้ความรู้เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า Safety Valve คืออะไร มีการใช้งานอย่างไร รวมไปถึงเกร็ดความรู้ด้านการเลือกซื้อ สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาวาล์วคุณภาพดี ได้มาตรฐาน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อจากที่ไหนดี ? UDY SUPPLY ของเรามี Valve คุณภาพดีให้คุณได้เลือกซื้อมากมายหลากหลายรูปแบบ การันตีคุณภาพสินค้าทุกชิ้น หากสนใจติดต่อได้เลยที่ ID Line : @UdySupply หรือ TEL : 098-905-9805
Pingback: วิธีเลือกประเภทของ Safety Valve ให้เหมาะกับการใช้งาน
Pingback: เจาะลึกส่วนประกอบของ Safety Valve มีอะไรบ้าง ?
Pingback: วิธีการตั้งค่า Pressure Safety Valve ( Set Pressure )