ปัญหาที่พบบ่อย ของเกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรม และวิธีแก้ไข

ปัญหาที่พบบ่อย ของเกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรม และวิธีแก้ไข

ปัญหาที่พบบ่อย ของเกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรม และวิธีแก้ไข

ในภาคอุตสาหกรรม การควบคุมอุณหภูมิถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่มีผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพการผลิต และความปลอดภัยของกระบวนการ เกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรมจึงเปรียบเสมือน “ดวงตา” ที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถตรวจสอบ และควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการผลิตต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ

อย่างไรก็ตาม เกจวัดอุณหภูมิ ก็อาจประสบปัญหาต่าง ๆ เช่น การอ่านค่าที่ผิดพลาด ความเสียหายจากการใช้งาน หรือสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่พบบ่อยของเกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรม สาเหตุของปัญหา และแนวทางในการแก้ไข เพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถใช้งาน และดูแลรักษาเกจวัดอุณหภูมิได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย

 ปัญหาคาใจ ใช้งานเกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรมอย่างไร ให้ไร้กังวล

เกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรม ถือเป็นอุปกรณ์คู่ใจ ที่ช่วยให้การทำงานในโรงงานและกระบวนการผลิตต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น โดยทำหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย 

แต่แม้เกจวัดอุณหภูมิจะเป็นอุปกรณ์ที่ดูเหมือนใช้งานง่าย แต่ในความเป็นจริง ก็อาจเกิดปัญหาจุกจิกกวนใจได้ เช่น ค่าที่อ่านได้ไม่ตรง ตัวเครื่องเสียหาย หรือเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ล้วนส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตทั้งสิ้น อยากรู้ไหมว่า ปัญหาเหล่านั้นมีอะไรบ้าง? เกิดขึ้นได้อย่างไร? และมีวิธีแก้ไขอย่างไร? ติดตามได้เลย 

1. ปัญหาจากการติดตั้ง

การติดตั้งเกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรมที่ไม่ถูกต้อง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาในการใช้งาน และส่งผลต่อความแม่นยำในการวัดค่า ซึ่งปัญหาจากการติดตั้งที่พบบ่อย มีดังนี้

  • ตำแหน่งติดตั้งไม่เหมาะสม

ใกล้แหล่งความร้อน เช่น ติดตั้งใกล้เตาเผา ท่อไอน้ำร้อน ทำให้เกจได้รับความร้อนสูงเกินไป ส่งผลต่อความแม่นยำ และอาจทำให้เกจเสียหายได้ หรือจุดที่มีการสั่นสะเทือนสูง เช่น ติดตั้งใกล้เครื่องจักร มอเตอร์ ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการอ่านค่า และอาจทำให้เกจชำรุดได้ ทำให้การอ่านค่า และการบำรุงรักษาทำได้ลำบาก

  • การเดินสายไฟไม่ถูกต้อง

เกิดจากการใช้สายไฟขนาดเล็กเกินไป ทำให้เกิดแรงดันตกคร่อม ส่งผลต่อความแม่นยำในการอ่านค่า และไม่มีการป้องกันสัญญาณรบกวน เช่น เดินสายไฟใกล้กับสายไฟฟ้าแรงสูง หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ทำให้เกิดสัญญาณรบกวน และค่าที่อ่านได้ไม่เสถียร

  • การเลือกใช้เกจไม่เหมาะสมกับงาน

ช่วงการวัดไม่เหมาะสม เช่น ใช้วัดอุณหภูมิที่สูงกว่า หรือต่ำกว่าช่วงการวัดของเกจ ทำให้ค่าที่อ่านได้ไม่ถูกต้องหรือประเภทของเกจไม่เหมาะสม เช่น ใช้เกจวัดอุณหภูมิแบบไบเมทัล กับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง หรือใช้เกจแบบเทอร์โมคัปเปิล ในสภาพแวดล้อมที่มีการสั่นสะเทือนสูง

  • การติดตั้งอุปกรณ์เสริมไม่ถูกต้อง

Thermowell ซึ่งเป็นท่อโลหะที่ใช้ป้องกันหัววัด หากติดตั้งไม่ถูกต้อง เช่น ขนาดไม่พอดี ความลึกไม่เหมาะสม อาจทำให้การวัดค่าคลาดเคลื่อน และเกิดความเสียหายต่อหัววัดได้ และตัว Protection tube เป็นท่อโลหะที่ใช้ป้องกันเกจจากสภาพแวดล้อม หากติดตั้งไม่ถูกต้อง เช่น ขนาดไม่เหมาะสม วัสดุไม่ทนทาน อาจทำให้เกจเสียหายได้

การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สามารถทำได้โดย เลือกตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสม ห่างจากแหล่งความร้อน การสั่นสะเทือน และเข้าถึงง่าย เดินสายไฟฟ้าตามมาตรฐาน ใช้สายไฟฟ้าขนาดเหมาะสม เดินสายไฟในท่อร้อยสาย และใช้ shielded cable เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน

อย่าลืมศึกษาชนิดและคุณสมบัติของเกจวัดอุณหภูมิ ให้เหมาะสมกับงาน และสภาพแวดล้อม และติดตั้งอุปกรณ์เสริมอย่างถูกต้อง ตามคู่มือการใช้งาน

การติดตั้งเกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ได้ค่าที่ถูกต้อง แม่นยำ และยืดอายุการใช้งานของเกจ รวมถึง ลดความเสี่ยงต่อความเสียหาย และอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ 

2. ปัญหาจากการใช้งาน

แม้ว่าเกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรมจะถูกติดตั้งอย่างถูกต้อง แต่ปัญหาในการใช้งานก็ยังคงเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจเกิดจากความไม่เข้าใจ ความประมาท หรือการขาดความรู้ นำไปสู่ความผิดพลาดในการอ่านค่า การบำรุงรักษาที่ไม่ถูกต้อง และส่งผลต่ออายุการใช้งานของเกจในที่สุด ตัวอย่างปัญหาจากการใช้งานที่พบบ่อย ได้แก่

  • การอ่านค่าผิดพลาด

เกิดจากที่มุมมองการอ่านค่าไม่ถูกต้อง (Parallax error) การอ่านค่าจากมุมเฉียง ทำให้ค่าที่อ่านได้คลาดเคลื่อนจากค่าจริง ควรอ่านค่าในแนวตั้งฉากกับหน้าปัดเสมอ หรือไม่สังเกตหน่วยของการวัด เพราะเกจวัดอุณหภูมิอาจมีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส (°C) ฟาเรนไฮต์ (°F) หรือเคลวิน (K) การอ่านค่าโดยไม่ดูหน่วย อาจทำให้เข้าใจผิดได้และบางคนตีความสเกลหน้าปัดไม่ถูกต้อง เกจบางรุ่นอาจมีสเกลที่ไม่เป็นเชิงเส้น หรือมีสเกลคู่ ต้องทำความเข้าใจสเกลก่อนการอ่านค่า

  • การสอบเทียบไม่ถูกต้อง หรือไม่ได้สอบเทียบเป็นประจำ

การสอบเทียบผิดวิธี เช่น ใช้อุปกรณ์สอบเทียบที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือขั้นตอนการสอบเทียบไม่ถูกต้อง ทำให้ค่าที่อ่านได้คลาดเคลื่อน อย่าลืมว่าเกจวัดอุณหภูมิควรได้รับการสอบเทียบตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าค่าที่อ่านได้มีความแม่นยำ การละเลยการสอบเทียบ ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการวัดค่า และอาจส่งผลต่อกระบวนการผลิตได้

  • การบำรุงรักษาไม่ถูกวิธี

ทำความสะอาดด้วยสารเคมีที่รุนแรง เช่น ใช้ทินเนอร์ หรือสารกัดกร่อน ทำความสะอาดหน้าปัด หรือตัวเครื่อง ทำให้เกจเสียหายได้ มีการกระแทก หรือทำตกหล่น ทำให้ชิ้นส่วนภายในเสียหาย ส่งผลต่อความแม่นยำในการวัดค่าและบางคนใช้งานเกินกำลัง เช่น ใช้วัดอุณหภูมิที่สูงเกินกว่าช่วงการวัด ทำให้เกจเสียหายได้

  • ละเลยสัญญาณเตือน

เกจวัดอุณหภูมิบางรุ่น มีสัญญาณเตือน เมื่ออุณหภูมิสูง หรือต่ำเกินไป การละเลยสัญญาณเตือน อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ หรือกระบวนการผลิตได้

การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สามารถทำได้โดย ฝึกฝนการอ่านค่าให้ถูกต้อง อ่านค่าในแนวตั้งฉากกับหน้าปัด สังเกตหน่วย และทำความเข้าใจสเกล สอบเทียบเกจเป็นประจำโดยผู้เชี่ยวชาญ และใช้อุปกรณ์สอบเทียบที่ได้มาตรฐาน

วิธีที่ง่ายที่สุดคือการศึกษาคู่มือการใช้งาน และวิธีการบำรุงรักษาที่ถูกต้อง หลีกเลี่ยงการกระแทก หรือทำตกหล่นอย่าลืมให้รีบดำเนินการแก้ไข เมื่อเกิดสัญญาณเตือน 

3. ปัญหาจากสภาพแวดล้อม

สภาพแวดล้อมในโรงงานอุตสาหกรรม มักมีความท้าทายต่อการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเกจวัดอุณหภูมิ ปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ฝุ่นละออง สารเคมี ล้วนส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของเกจวัดอุณหภูมิได้ ปัญหาจากสภาพแวดล้อมที่พบบ่อย มีดังนี้

  • อุณหภูมิแวดล้อม

หากเกจวัดอุณหภูมิอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงเกินกว่าที่กำหนด อาจทำให้เกิดความผิดพลาดในการอ่านค่า ส่วนประกอบภายในเสื่อมสภาพเร็ว หรือ เกิดความเสียหายได้ และอุณหภูมิที่ต่ำมาก อาจทำให้ของเหลวภายในเกจแข็งตัว ส่งผลต่อการทำงาน หรือทำให้เกจแตกหักได้

  • ความชื้น

ความชื้นสูง อาจทำให้เกิดการควบแน่น เป็นสนิม และการกัดกร่อน ส่งผลต่อความแม่นยำ และอายุการใช้งาน และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เกิดการควบแน่นภายในเกจ ส่งผลต่อการอ่านค่า

  • ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก

ฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรก อาจเข้าไปอุดตัน หรือสะสมบนชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเกจ เช่น ช่องระบายอากาศ หน้าปัด ทำให้การอ่านค่าผิดพลาด หรือเกจทำงานผิดปกติ ฝุ่นละอองบางชนิด มีฤทธิ์กัดกร่อน อาจทำให้ชิ้นส่วนของเกจเสียหายได้

  • สารเคมี

 ไอระเหย หรือละอองของสารเคมี อาจกัดกร่อน หรือทำปฏิกิริยากับวัสดุของเกจ ทำให้เกิดความเสียหายได้ ละการรั่วไหลของสารเคมี อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเกจ โดยเฉพาะ หากสารเคมีมีฤทธิ์กัดกร่อน

  • การสั่นสะเทือน

การสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ชิ้นส่วนภายในของเกจ เช่น เข็มชี้ หลวม หรือเสียหาย ส่งผลต่อความแม่นยำในการอ่านค่า

  • แสงแดด

การสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน อาจทำให้หน้าปัด หรือตัวเครื่อง ซีดจาง และเสื่อมสภาพได้

วิธีแก้ไขปัญหาจากสภาพแวดล้อม ให้เลือกใช้เกจที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เช่น เกจที่มีคุณสมบัติ กันน้ำ กันฝุ่น ทนต่อสารเคมี ทนต่อการสั่นสะเทือน ติดตั้งเกจในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการติดตั้งในที่ที่มีอุณหภูมิสูง ความชื้นสูง ฝุ่นละอองมาก หรือมีการสั่นสะเทือน

อย่าลืมใช้อุปกรณ์ป้องกันพวกThermowell Protection tube เพื่อป้องกันเกจจากสภาพแวดล้อม และหมั่นทำความสะอาดเกจเป็นประจำเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่น และสิ่งสกปรก ไปจนถึงตรวจสอบ และบำรุงรักษาเกจตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้แน่ใจว่า เกจทำงานได้อย่างถูกต้อง

การดูแล และป้องกันเกจวัดอุณหภูมิจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง จะช่วยยืดอายุการใช้งาน และลดความผิดพลาดในการวัด ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของกระบวนการผลิต

สรุป

หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจ และทำให้ผู้อ่านเข้าใจปัญหาที่พบบ่อยของเกจวัดอุณหภูมิอุตสาหกรรม พร้อมวิธีแก้ไข เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่! การเลือกใช้เกจวัดอุณหภูมิคุณภาพ รวมไปถึงเทอร์โมมิเตอร์จากแบรนด์ชั้นนำ และการบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี คือหัวใจสำคัญในการป้องกันปัญหา และยืดอายุการใช้งาน

เลือก UDY Supply ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์อุตสาหกรรม ที่พร้อมให้คำปรึกษา และบริการอย่างมืออาชีพ

เพราะเราเชื่อว่า “ความแม่นยำ คือหัวใจของอุตสาหกรรม” ติดต่อ UDY Supply วันนี้ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ ที่เหนือกว่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *