แนะนำวิธีการเลือกซื้อ Check Valve ที่เหมาะสมกับการใช้งานจริง

การเลือก Check Valve ที่เหมาะสมกับการใช้งาน สำคัญมากน้อยเพียงใด ?

แม้เราจะเคยกล่าวไปแล้วหลายครั้ง แต่จะขอกล่าวอีกสักครั้งว่า การเลือก Check Valve ที่เหมาะสมนั้น “สำคัญมาก” เนื่องจากวาล์วประเภทนี้มีบทบาทในการป้องกันการไหลกลับภายในระบบ ซึ่งจะช่วยทำให้ระบบมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ความดันภายในคงที่ หากเป็นระบบท่อน้ำประปา ก็จะทำให้น้ำไหลแรง ไม่มีปัญหาลมภายในท่อ ที่สำคัญคือช่วยลดปัญหา Water Hammer ที่ทำให้เกิดเสียงดังปึงปังภายในท่อ นอกจากช่วยลดเสียงรบกวนแล้ว ยังเป็นการยืดอายุการใช้งานของปั๊มน้ำอีกด้วย

ปัจจัยอะไรบ้าง ? ที่ควรต้องนึกถึง ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อ Check Valve

ปัจจัยในการเลือก Check Valve ที่เหมาะสมนั้นมีหลายข้อ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่จะนำเอามาใช้งานจริง ๆ แต่ถ้าให้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็สรุปได้ 3 ส่วนที่สำคัญที่สุด ดังต่อไปนี้

• การวางแนวของของไหล

เนื่องจาก Check Valve บางชนิดสามารถใช้งานได้เฉพาะแนวนอนเท่านั้น หากนำไปทิศทางในระบบท่อแบบแนวตั้ง จะทำให้เช็ควาล์วไม่สามารถทำงานได้ หรืออาจจะทำงานได้แต่ประสิทธิภาพไม่ดี ดังนั้นควรต้องเลือกประเภทของเช็ควาล์ว จากคุณสมบัติเฉพาะของวาล์วนั้น ๆ ว่าเหมาะกับการนำไปติดตั้งหรือไม่ ?
อ่านเพิ่มเติม หากอยากรู้ว่า Check Valve แนวตั้ง กับ แนวนอน ต่างกันอย่างไร ( ลิงก์ไปบทความที่ 15 )

• ชนิดของไหล

ถึงจะถูกออกแบบให้ใช้งานได้กับของไหลหลากหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Check Valve ประเภทเดียว จะใช้ได้กับของไหลทุกประเภท เช่น แต่ถ้าเป็นของไหลที่มีสิ่งปนเปื้อนเยอะ ๆ ก็ควรเป็น Ball Check Valve หรือ ของไหลในระบบแรงดันสูงก็ควรเป็น Piston Check Valve เป็นต้น

• แรงดันภายในระบบ

ปริมาณแรงดันก็เป็นปัจจัยสำคัญ สำหรับการเลือกใช้งาน Check Valve เพราะถ้าเป็นเช็ควาล์วที่ถูกสร้างมาโดยทั่วไป ไม่ได้ถูกออกแบบพิเศษในการใช้งานแบบเฉพาะ ก็ค่อนข้างจะมีแรงดันที่เหมาะสมแตกต่างกันพอสมควร เช่น Swing Check Valve เหมาะกับแรงดันปานกลาง ส่วน Spring Check Valve เหมาะกับแรงดันต่ำ เป็นต้น

ผลเสียที่อาจเกิดขึ้น หากซื้อ Check Valve มาแล้วผิดวัตถุประสงค์การใช้งาน

• ได้เช็ควาล์วที่ไม่ตรงกับความต้องการ ต้องเสียเงินไปฟรี ๆ และเสียเวลากลับไปซื้อใหม่
• เมื่อได้นำมาติดตั้งแล้วพบว่าวาล์วไม่เหมาะกับการใช้งานจริง ประสิทธิภาพไม่ตอบโจทย์
• ผลลัพธ์ที่ได้กลายเป็นระบบโดยรวมสูญเสียประสิทธิภาพ แทนที่จะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
• อุปกรณ์อื่น ๆ ภายในระบบเกิดความเสียหาย ปั๊มน้ำเสียหาย เกิดการรั่วไหล ท่อน้ำแตก เป็นต้น

บทส่งท้าย